ตูบสายพันธุ์โกลเด้น
รีทรีฟเวอร์กลายเป็นฮีโร่ หลังช่วยชีวิตเจ้าของที่ประสบอุบัติเหตุ
ขยับตัวไปไหนไม่ได้ท่ามกลางความหนาว คอยเฝ้าไปไหนไม่ห่างและนอนทับตัวเจ้านายไว้ให้อุ่นอยู่เกือบ
24 ชั่วโมง
บ็อบ ชายวัย 34 ปี ชาวเมืองเปโตสกี รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เกือบเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลื่นล้ม ขณะเดินทางออกไปเก็บเศษไม้มาทำฟืน แต่แล้วเขาก็รอดมาได้เพราะเจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ของเขาได้ยินเสียงร้องและเข้ามาช่วยเอาไว้
บ็อบ ชายวัย 34 ปี ชาวเมืองเปโตสกี รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เกือบเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลื่นล้ม ขณะเดินทางออกไปเก็บเศษไม้มาทำฟืน แต่แล้วเขาก็รอดมาได้เพราะเจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ของเขาได้ยินเสียงร้องและเข้ามาช่วยเอาไว้
เรื่องราวอันน่าประทับใจของบ็อบและเจ้าหมาตัวนี้ถูกเผยแพร่โดยเว็บไซต์อ็อดดิซิตี้เซ็นทรัล เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2560 ระบุว่า
ในวันที่บ็อบเกิดอุบัติเหตุตรงกับวันสิ้นปีพอดี ในคืนนั้นเขาไม่ได้ออกไปฉลองที่ไหน
เพียงนั่งดูทีวีอยู่กับบ้านจนเมื่อถึงเวลาราว 22.30 น. เขาก็คิดว่าน่าจะไปหาไม้มาทำฟืนสักหน่อย
จึงออกไปนอกบ้าน โดยสวมแค่กางเกงลองจอห์น เสื้อเชื้ต และรองเท้าแตะเท่านั้น
ถึงแม้ว่าบ็อบจะออกไปเก็บไม้ทำฟืนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้สวมรองเท้าที่เหมาะสม รองเท้าแตะทำให้เขาลื่นล้มลงกระแทกพื้นจนคอหัก บ็อบได้แต่นอนอยู่แบบนั้น ขยับไปไหนไม่ได้ เขาส่งเสียงร้องตะโกนให้คนช่วย แต่แถวนั้นไม่มีบ้านคนอยู่เลย บ้านคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ห่างออกไปเกือบครึ่งกิโลเมตร เขานอนอยู่แบบนั้นราว 1 ชั่วโมง ในที่สุด เคลซีย์ สุนัขพันธ์ุโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ วัย 5 ปี ของบ็อบก็โผล่มาช่วย
ถึงแม้ว่าบ็อบจะออกไปเก็บไม้ทำฟืนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้สวมรองเท้าที่เหมาะสม รองเท้าแตะทำให้เขาลื่นล้มลงกระแทกพื้นจนคอหัก บ็อบได้แต่นอนอยู่แบบนั้น ขยับไปไหนไม่ได้ เขาส่งเสียงร้องตะโกนให้คนช่วย แต่แถวนั้นไม่มีบ้านคนอยู่เลย บ้านคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ห่างออกไปเกือบครึ่งกิโลเมตร เขานอนอยู่แบบนั้นราว 1 ชั่วโมง ในที่สุด เคลซีย์ สุนัขพันธ์ุโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ วัย 5 ปี ของบ็อบก็โผล่มาช่วย
ด้วยความที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้
บ็อบเลยต้องนอนอยู่บนพื้นท่ามกลางหิมะ อากาศโดยรอบหนาวเย็นมาก อุณหภูมิลดต่ำลงเหลือราว
-4 องศาเซลเซียส เคลซีย์ทำทุกอย่างเท่าที่หมาตัวหนึ่งจะทำได้เพื่อช่วยชีวิตเจ้านายของมัน
มันส่งเสียงเห่าตลอดเวลา คอยเลียหน้าเอาไว้ไม่ให้เขาเผลอหลับและนอนทับบนตัวเขาเพื่อไม่ให้เขาหนาวตาย
"เคลซีย์มาช่วยผมเอาไว้ มันส่งเสียงเห่าไม่หยุดเลย มันไม่ยอมห่างผมไม่ไหน คอยปลุกให้ผมตื่นอยู่ตลอด ช่วยให้ผมไม่หนาวตายด้วย" บ็อบเล่าถึงประสบการณ์เกือบเอาชีวิตไม่รอดของเขา
ถึงแม้ว่าจะมีเคลซีย์คอยช่วยเหลืออยู่ข้าง แต่บ็อบก็ต้องนอนอยู่บนหิมะมาเป็นเวลากว่า 20 ชั่วโมง และกำลังจะแข็งจะตาย แต่บ็อบยังคงโชคดี เพราะในเวลาราว 18.30 น. ของวันต่อมา ริค เพื่อนบ้านของเขาได้ยินเสียงหอนอันน่าสงสารของเคลซีย์ เขาตามมาดูและพบบ็อบ แล้วรีบนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลนอร์ทเทิร์น มิชิแกน โดยทันที
บ็อบโชคดีอย่างมากที่ถูกพบและช่วยมาได้ เขาได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติและอุณหภูมิในร่างกายของเขาลดต่ำลงเหลือแค่ 21 องศาเซลเซียสเท่านั้น และนับเป็นปาฏิหาริย์อย่างมากสำหรับบ็อบ เนื่องจากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลังส่วนใหญ่จะไม่สามารถขยับร่างกายได้ กลายเป็นอัมพาต แต่บ็อบรอดพ้นจากอาการนี้ โดยเขาสามารถขยับได้และอาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ
นายแพทย์แชม โคเลน ศัลยแพทย์ประสาทผู้รักษาบ็อบ กล่าวกับบ็อบก่อนที่จะทำการผ่าตัดว่า ให้เขาทำใจเผื่อไว้ เพราะเขาอาจจะเดินไม่ได้อีกแล้ว แต่ในวันต่อมานายแพทย์ก็ต้องเซอร์ไพรซ์ เพราะบ็อบสามารถขยับแขนขาได้เป็นปกติ
นายแพทย์โคเลนยังกล่าวอีกว่า การที่บ็อบขยับแขนขาได้ อาจจะเป็นเพราะเขานอนอยู่บนหิมะ ความเย็นอาจจะมีผลช่วยเขาก็เป็นได้ แต่ที่แน่ ๆ คือต้องขอบคุณริคกับบเคลซีย์ที่ช่วยเหลือเขา โดยเฉพาะเจ้าเคลซีย์ บ็อบรอดมาได้เพราะมันโดยแท้ เขาโชคดีอย่างมากที่มีมัน
เจนนี่ ลูกสาวของบ็อบกล่าวว่า ตั้งแต่บ็อบเขาโรงพยาบาล เจ้าเคลซีย์ก็เหงามากและเป็นกังกวล กลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าเจ้านายที่รักของมันอีก เคลซีย์ไม่ยอมออกไปไหนและเอาแต่นอนทับบนกองเสื้อผ้าของบ็อบด้วยความคิดถึง เธอกล่าวอีกว่ารับเคลซีย์มาเลี้ยงตั้งแต่ตอนอายุแค่ 6 เดือนเท่านั้นเอง ตอนแรกที่เธอไปเจอมัน คนขายบอกว่ามีคนรับมันไปเลี้ยงแล้ว แต่เอากลับมาคืนเพราะมันเล่นแรงแล้วก็ซน อีกอย่างก็คือพวกเขาเพิ่งมีลูกเล็ก จึงไม่อยากเลี้ยงหมา
"คนขายกะจะเลี้ยงมันไว้เป็นแม่พันธุ์ค่ะ ตอนที่มันเจอฉัน มันกระโดดขึ้นมาบนตัก ตอนนั้นฉันกับพ่อก็คิดเลยว่า เราจะไม่ปล่อยให้เคลซีย์เป็นแม่พันธุ์ที่นี่หรอก เราจะเอามันกลับบ้าน เราคิดมาตลอดค่ะว่า มันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่เราตัดสินใจรับมันมาเลี้ยง และตอนนี้ฉันรู้แล้วค่ะว่าทำไม" เจนนี่ กล่าว
ภาพจาก mclaren.org
"เคลซีย์มาช่วยผมเอาไว้ มันส่งเสียงเห่าไม่หยุดเลย มันไม่ยอมห่างผมไม่ไหน คอยปลุกให้ผมตื่นอยู่ตลอด ช่วยให้ผมไม่หนาวตายด้วย" บ็อบเล่าถึงประสบการณ์เกือบเอาชีวิตไม่รอดของเขา
ถึงแม้ว่าจะมีเคลซีย์คอยช่วยเหลืออยู่ข้าง แต่บ็อบก็ต้องนอนอยู่บนหิมะมาเป็นเวลากว่า 20 ชั่วโมง และกำลังจะแข็งจะตาย แต่บ็อบยังคงโชคดี เพราะในเวลาราว 18.30 น. ของวันต่อมา ริค เพื่อนบ้านของเขาได้ยินเสียงหอนอันน่าสงสารของเคลซีย์ เขาตามมาดูและพบบ็อบ แล้วรีบนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลนอร์ทเทิร์น มิชิแกน โดยทันที
บ็อบโชคดีอย่างมากที่ถูกพบและช่วยมาได้ เขาได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติและอุณหภูมิในร่างกายของเขาลดต่ำลงเหลือแค่ 21 องศาเซลเซียสเท่านั้น และนับเป็นปาฏิหาริย์อย่างมากสำหรับบ็อบ เนื่องจากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลังส่วนใหญ่จะไม่สามารถขยับร่างกายได้ กลายเป็นอัมพาต แต่บ็อบรอดพ้นจากอาการนี้ โดยเขาสามารถขยับได้และอาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ
นายแพทย์แชม โคเลน ศัลยแพทย์ประสาทผู้รักษาบ็อบ กล่าวกับบ็อบก่อนที่จะทำการผ่าตัดว่า ให้เขาทำใจเผื่อไว้ เพราะเขาอาจจะเดินไม่ได้อีกแล้ว แต่ในวันต่อมานายแพทย์ก็ต้องเซอร์ไพรซ์ เพราะบ็อบสามารถขยับแขนขาได้เป็นปกติ
นายแพทย์โคเลนยังกล่าวอีกว่า การที่บ็อบขยับแขนขาได้ อาจจะเป็นเพราะเขานอนอยู่บนหิมะ ความเย็นอาจจะมีผลช่วยเขาก็เป็นได้ แต่ที่แน่ ๆ คือต้องขอบคุณริคกับบเคลซีย์ที่ช่วยเหลือเขา โดยเฉพาะเจ้าเคลซีย์ บ็อบรอดมาได้เพราะมันโดยแท้ เขาโชคดีอย่างมากที่มีมัน
เจนนี่ ลูกสาวของบ็อบกล่าวว่า ตั้งแต่บ็อบเขาโรงพยาบาล เจ้าเคลซีย์ก็เหงามากและเป็นกังกวล กลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าเจ้านายที่รักของมันอีก เคลซีย์ไม่ยอมออกไปไหนและเอาแต่นอนทับบนกองเสื้อผ้าของบ็อบด้วยความคิดถึง เธอกล่าวอีกว่ารับเคลซีย์มาเลี้ยงตั้งแต่ตอนอายุแค่ 6 เดือนเท่านั้นเอง ตอนแรกที่เธอไปเจอมัน คนขายบอกว่ามีคนรับมันไปเลี้ยงแล้ว แต่เอากลับมาคืนเพราะมันเล่นแรงแล้วก็ซน อีกอย่างก็คือพวกเขาเพิ่งมีลูกเล็ก จึงไม่อยากเลี้ยงหมา
"คนขายกะจะเลี้ยงมันไว้เป็นแม่พันธุ์ค่ะ ตอนที่มันเจอฉัน มันกระโดดขึ้นมาบนตัก ตอนนั้นฉันกับพ่อก็คิดเลยว่า เราจะไม่ปล่อยให้เคลซีย์เป็นแม่พันธุ์ที่นี่หรอก เราจะเอามันกลับบ้าน เราคิดมาตลอดค่ะว่า มันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่เราตัดสินใจรับมันมาเลี้ยง และตอนนี้ฉันรู้แล้วค่ะว่าทำไม" เจนนี่ กล่าว
ภาพจาก mclaren.org
http://hilight.kapook.com/view/147953
No comments:
Post a Comment