Tuesday, March 29, 2016

ช็อก ฆาตกรพุ่งปาดคอเด็ก 4 ขวบดับต่อหน้าแม่ ไร้ทางช่วยแม้ห่างแค่ 1 เมตร



               ฆาตกรหนุ่มพุ่งตัวปาดคอเด็ก 4 ขวบตายต่อหน้าแม่และตา ขณะเด็กกำลังปั่นจักรยานจิ๋วไปติดหลุมบนถนน ห่างแม่แค่ 1 เมตรเท่านั้น

                เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ รายงานว่า เกิดเหตุสุดช็อกขึ้นที่ไต้หวัน เมื่อหนุ่มวัย 33 ปี ได้คลุ้มคลั่งฆ่าปาดคอเด็กหญิงวัย 4 ขวบต่อหน้าแม่และตาของเด็ก แม้ว่าแม่และตาจะพยายามเข้าห้ามจนสุดชีวิต แต่ก็ไม่สามารถช่วยลูกของตัวเองได้ กลายเป็นข่าวที่บาดหัวใจคนทั้งไต้หวัน  
     
             เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2559 บริเวณสถานีรถไฟใต้ดินซี่หู กรุงไทเป หนุ่มแซ่หวัง วัย 33 ปี ได้เดินไปเดินมาอยู่บริเวณนี้หลังจากที่เขาซื้อมีดเล่มหนึ่งมาจากร้านค้าในช่วงเช้า และระหว่างที่เขาเดินอยู่นั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเด็กหญิงวัย 4 ขวบ กำลังปั่นจักรยานคันจิ๋วเล่นอยู่ และล้อไปติดอยู่ที่หลุมบนถนน เขาเลยเดินตรงเข้าไปหาเด็กหญิงแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วใช้มีดในมือกระหน่ำแทงเด็กหญิงอย่างบ้าคลั่ง ก่อนปาดคอเธอ 

                เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปต่อหน้าต่อตาแม่และตาของหนูน้อยที่อยู่บริเวณนั้น ทั้งคู่รีบโผเข้าห้ามนายหวัง แต่ก็ไม่สามารถยั้งมือที่กำลังกระหน่ำแทงหนูน้อยอย่างรัว ๆ ได้

 
                  หลังเกิดเหตุแม่ของเด็กหญิงเปิดเผยว่า "ตอนที่เกิดเหตุ ฉันอยู่ห่างจากลูกแค่ระยะ 1 เมตรเท่านั้นเอง อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายเดินตรงเข้ามาหาลูก ตอนแรกฉันนึกว่าเขาจะมาช่วยลูก แต่พอเขาเข้ามาถึงตัวลูกก็ปาดคอลูกฉันต่อหน้าต่อตา สิ่งแรกที่ฉันทำก็คือเข้าไปดึงตัวเขา แต่ก็หยุดเขาไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือดึงเขาไว้ไม่ให้หนีไปเท่านั้น แต่ห้ามไม่ให้เขาทำร้ายลูกไม่ได้เลย"


                อย่างไรก็ดี ต่อมานายหวังก็ถูกตำรวจจับ ก่อนที่จะพบว่าเขามีความผิดปกติทางจิต และคดีนี้ก็ทำให้ชาวไต้หวันช็อกไปตาม ๆ กัน กลายเป็นประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ในไต้หวันอยู่ขณะนี้


ภาพจาก shanghaiist.com
http://hilight.kapook.com/view/134751 

Sunday, March 27, 2016

ชาวเน็ตสะพรึง ภาพคู่บ่าวสาวในงานแต่ง พบเงาแขกไม่ได้รับเชิญโผล่แสยะยิ้ม




        ชาวเน็ตหลอนหนักมาก เมื่อเจอภาพสยองในงานแต่งงาน เงาหญิงสาวหน้าซีดยืนยิ้มเบิกตากว้าง สะท้อนกลับมาในกระจก ท่ามกลางพิธีแต่งงานหวานชื่น

          มีอันสยองขนลุกขนพองกันทั้งบาง เมื่อภาพชุดชวนหลอนถูกเผยแพร่ไปทั่วโซเชียล โดยเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพที่อ้างว่าเป็นพิธีวิวาห์จากสปป.ลาว โดยฝ่ายเจ้าสาวสวมชุดสไบสีเขียวสดใส ในขณะที่ฝ่ายเจ้าบ่าวกำลังทำท่าทางคล้ายถอดรองเท้าให้ฝ่ายหญิง


          ดูเผิน ๆ เหมือนกับเป็นภาพในงานแต่งสุดหวานชื่นทั่วไป แต่สิ่งที่สะดุดตาชาวเน็ตเป็นอย่างมาก ก็คือเงาสะท้อนในกระจกประตูที่เจ้าสาวยืนหันหลังให้อยู่ ปรากฏเงาคล้ายใบหน้าหญิงสาว ตาเบิกโพลง ฉีกยิ้ม จ้องตรงมาที่เจ้าสาวคนดังกล่าว

           งานนี้ทำเอาหลายคนที่ได้รับชมภาพเกิดอาการขนพองสยองเกล้า ในขณะที่ชาวเน็ตหลายรายตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นเพียงเงาสะท้อนธรรมดา แต่บังเอิญว่าสมองคนประมวลผลให้ดูคล้ายใบหน้าผีสาวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี ควรใช้วิจารณญาณในการชมภาพดังกล่าวด้วย
http://hilight.kapook.com/view/134677


Thursday, March 24, 2016

หนุ่ม 15 ถูกบังคับให้แต่งงานกับอูฐ หลังสารภาพว่าแอบมีเซ็กส์กับมัน




              เด็กหนุ่มชาวเยเมนวัย 15 ปีแอบมีเซ็กส์กับอูฐ หลังเห็นมันตกลูกและเข้าใจว่าเป็นพ่อของมัน จึงยอมสารภาพผิดออกมา ด้านสภาหมู่บ้านเลยออกคำสั่งบังคับให้แต่งงานกับมัน

               เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 เว็บไซต์ Exclusive Nigeria เปิดเผยคดีชวนอึ้งจากประเทศเยเมน ระบุว่า เด็กหนุ่มไม่เปิดเผยชื่อวัย 15 ปี แอบมีเพศสัมพันธ์กับอูฐมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งเห็นมันคลอดลูกออกมา ด้วยความตกใจจึงสารภาพยอมรับผิดดังกล่าว เพราะเชื่อว่าตัวเองคือพ่อของลูกอูฐตัวนี้ ทางชาวบ้านจึงกดดันให้ทางสภาผู้ใหญ่ในหมู่บ้านตัดสินลงโทษเด็กหนุ่มคนนี้

               รายงานจากทางโฆษกของหมู่บ้านเผยว่า ทางพวกเขาเองก็ไม่คิดว่าลูกอูฐจะเป็นลูกของเด็กหนุ่มแต่อย่างใด แต่เพื่อลงโทษในสิ่งชั่วร้ายที่เขาได้กระทำลงไปกับสัตว์ และเพื่อเป็นการปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายที่สิงสถิตอยู่ในตัวของเด็กหนุ่มให้หายออกไปตามความเชื่อท้องถิ่น ทางสภาผู้สูงอายุของหมู่บ้านจึงมีคำสั่งบังคับให้เด็กหนุ่มรายนี้เข้าพิธีแต่งงานกับอูฐตัวดังกล่าว

               ทั้งนี้ ทางญาติของเด็กหนุ่มได้เปิดเผยว่า แม้ว่าการได้รับโทษครั้งนี้จะทำให้ตัวเขาเองและครอบครัวรู้สึกอับอาย แต่เด็กหนุ่มก็พอใจในคำตัดสินนี้ รวมทั้งเขาก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้เป็นพ่อของอูฐอีกด้วย

ภาพจาก topunitedgist.com
http://hilight.kapook.com/view/134545

Tuesday, March 22, 2016

บรรยากาศชวนหลอนในสวนน้ำร้างดิสนีย์ เวิลด์ ถูกปิดตายหลังมีเด็กเล่นน้ำแล้วเสียชีวิต




        ภาพบรรยากาศสุดหลอนชวนสะพรึงของอดีตสวนน้ำแห่ง แรกในเครือดิสนีย์ เวิลด์ ถูกทิ้งร้างมาร่วม 15 ปี หลังมีเหตุเด็กติดเชื้ออะมีบาตาย กลายสภาพเป็นสวนน้ำร้างสุดวังเวง เห็นแล้วชวนขนลุก


          หลาย ๆ คนที่ได้เห็นสถานที่แห่งนี้อาจจะไม่เชื่อว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสวนน้ำเก่า ที่เคยคึกคัก และที่นี่ก็ไม่ใช่แค่สวนน้ำเก่า ๆ ธรรมดา แต่ได้ชื่อว่าเป็นสวนน้ำที่น่าสะพรึงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ โดยเว็บไซต์เดลี่เมล ได้ นำภาพถ่ายของสวนน้ำริเวอร์ คันทรี ของดิสนีย์ เวิลด์ แห่งนี้มาให้ได้ชมกันเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 ซึ่งเป็นผลงานความกล้าหาญของช่างภาพชื่อว่า เซฟ ลอว์เลซ ที่แอบลอบเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศชวนหลอนภายในมาเผยให้ชม จนทำให้เขาถูกสั่งห้ามเข้าสถานที่แห่งนี้อีกเด็ดขาด

  
         สวนน้ำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น อยู่ที่บริเวณทะเลสาบเบย์เลค รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา และเป็นสวนน้ำแห่งแรกของบริษัทสวนสนุกชื่อดัง วอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2519 มันสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในสมัยนั้น ครอบครัวต่างพาลูก ๆ หลาน ๆ มาเที่ยวเล่นมากมาย ที่แห่งนี้จึงเคยเต็มไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ


          แต่แล้วสวนน้ำริเวอร์ คันทรี ก็มาถึงคราวอวสานในปี 2523 เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เด็กชายคนเกิดหนึ่งติดเชื้ออะมีบาเข้าไปทางจมูก หลังจากที่มาเล่นที่สวนน้ำแห่งนี้ เชื้อได้เข้าไปทำลายสมองและเซลล์ประสาท ทำให้เด็กเสียชีวิตในที่สุด และหลังจากนั้นมาสวนน้ำแห่งนี้ก็ค่อย ๆ ร้างผู้คนมาเรื่อย ๆ

  
         จนกระทั่งในปี 2001 สวนน้ำริเวอร์ คันทรี ก็ประกาศปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ จากนั้นมามันก็ถูกปล่อยทิ้งไว้จนรกร้างมานานกว่า 15 ปี สภาพของมันตอนนี้ไม่ต่างฉากในภาพยนตร์สยองขวัญสักเท่าไร ถึงแม้ว่าบรรยากาศภายในนั้นจะมีความสวยงามของธรรมชาติและดอกไม้ซ่อนอยู่ แต่ก็ไม่สามารถกลบความน่าสะพรึงกลัวได้

 
          นอกจากนี้ ที่ใกล้ ๆ ห่างออกไปเพียง 300 เมตร ยังมีสวนอุทยานดิสคัฟเวอร์รี่ ไอส์แลนด์ ที่เคยเป็นที่ท่องเที่ยวที่นิยมมาก แต่ทว่าก็ถูกทิ้งและปิดตายให้กลายสภาพรกร้างไม่ต่างกัน เห็นแล้วชวนขนลุกซู่เลยทีเดียว

 
          เชฟ เกิดความสงสัย ว่าเหตุใดสวนน้ำแห่งนี้ถึงไม่ประสบความสำเร็จในการจัดการน้ำในสวนน้ำให้ สะอาด เพื่อกลับมาเปิดใช้งานอีกครั้ง หรือมีอะไรที่ทางเจ้าของซ่อนไว้ภายในหรือไม่ ซึ่งหลังจากได้สอบถามคนงานในบริเวณแถวที่ตั้งของสวนน้ำแห่งนี้ ก็ได้ทราบว่าบริเวณทะเลสาบแห่งนี้อันตรายเกินกว่าที่จะลงไปว่าย น้ำที่นั่นเป็นพิษ ขนาดปลาที่จับมายังไม่สามารถนำไปรับประทานได้เลย และเขายังได้รับคำเตือน ว่าไม่ให้เข้าใกล้สถานที่แห่งนี้อีกด้วย
























ภาพจาก Seph Lawless
http://hilight.kapook.com/view/134435

Friday, March 18, 2016

เปิดเรื่องราวของ เมอร์เทิล คอร์บิน มนุษย์ 4 ขาที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์




         เมอร์เทิล คอร์บิน มนุษย์ประหลาดเกิดมามี 4 ขา งอกห้อยต่องแต่งอยู่ระหว่างขาปกติทั้งสองข้าง แต่ขากลางนี้ไม่สามารถใช้การได้ หลังถือกำเนิดพร้อมภาวะแฝดปรสิตที่เรียกว่า Dipygus

          หากพูดถึงแฝดที่มีความประหลาดชวนพิศวง หลายคนอาจนึกถึงฝาแฝดที่มีร่างกายติดกัน เช่น แฝดอิน-จัน อันโด่งดังของไทยเรา หรือแฝดคู่อื่นที่มีร่างกายเดียว แต่ศีรษะกลับแยกออกเป็นสอง แต่วันนี้กระปุกดอทคอม จะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับแฝดอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า แฝดปรสิต (Parasitic Twins)

  
        แฝดปรสิตมีหลากหลายประเภทมาก แต่ที่เรานำมาให้ท่านผู้อ่านชมกัน เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ชื่อว่า เมอร์เทิล คอร์บิน ผู้ถือกำเนิดพร้อมขาถึง 2 คู่ หรือ 4 ขา โดยเมอร์เทิลมีขาตามปกติครบทั้ง 2 ข้าง แต่ที่ประหลาดคือเธอมีขางอกออกมาอีกหนึ่งคู่ ที่บริเวณหว่างขาคู่ปกติพอดีเป๊ะ ซึ่งขาที่งอกออกมานั้นมีขนาดเล็กราวกับมีเด็กอีกคนอยู่ภายในตัว ใช่แล้ว...ขาคู่นั้นคือขาของแฝดปรสิตชนิด Dipygus นั่นเอง

          แฝดปรสิต Dipygus คือแฝดที่ใช้อวัยวะภายในร่วมกัน แต่แฝดประเภทนี้จะมีแขนหรือขาที่พัฒนาไม่สมบูรณ์ อยู่ติดกับช่วงเชิงกรานหรือกระดูกสันหลังตอนล่าง และไม่สามารถขยับตัวได้ แฝดชนิดนี้ไม่มีสมองและหัวใจเป็นของตัวเอง

          เมอร์เทิล คอร์บิน เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1868  ในสหรัฐอเมริกา ชีวิตวัยเด็กของเธอเต็มไปด้วยการเดินทางตระเวนโชว์ หลังจากเธอถูกพาเข้าคณะละครสัตว์ชื่อ Freak Show โดยใช้ชื่อว่าเด็กหญิงสี่ขาจากเทกซัส” ความประหลาดผิดมนุษย์ทำให้เด็กหญิงโด่งดังอย่างรวดเร็ว

เมอร์เทิลเลิกประกอบอาชีพนี้เมื่อตอนอายุ 19 ปี หลังพบรักกับ เจมส์ คลินตัน บิคเนลล์ ทั้งคู่แต่งงานกันและมีลูกด้วยกันถึง 5 คนเลยทีเดียว

          แต่ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1887 หลังจากที่เมอร์เทิลและเจมส์แต่งงานกันได้ราวปีเศษ เมอร์เทิลตั้งท้องลูกคนแรก เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจมากสำหรับวงการแพทย์ในยุคนั้น ดร.เลวิส วัลลีย์ จากรัฐแอละแบมา ถูกส่งตัวมาเพื่อดูแลสุขภาพของเมอร์เทิลขณะตั้งครรภ์ หลังเธอมีไข้ เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ และเจ็บร่างกายฝั่งซ้ายมาก

          ดร.เลวิส เริ่มบันทึกอาการของเมอร์เทิลและตีพิมพ์เป็นวารสารชื่อ Atlanta Medical and Surgical Journal ระหว่างการรักษาและศึกษาร่างกายของเมอร์เทิล พวกเขาเรียกแฝดปรสิตของเธอว่า นางสาวบี

    
           และเรื่องสุดน่าทึ่งก็ปรากฏ เมื่อ ดร.เลวิส ตรวจสอบร่างกายแล้วพบว่า คนที่ตั้งครรภ์ไม่ใช่เมอร์เทิล แต่เป็นนางสาวบีต่างหาก ! แน่นอนว่าเมอร์เทิลมีอวัยวะเพศ แต่น่าตกใจที่นางสาวบีเองก็มีอวัยวะสืบพันธุ์อยู่ภายในเช่นกัน เพียงแต่มันกลับด้านเหมือนกับถูกส่องกระจก โดยยังคงระบบสืบพันธุ์เอาไว้อย่างครบถ้วนไม่มีผิดเพี้ยนเสียด้วย

  
          การตั้งครรภ์ลูกคนแรกในร่างของนางสาวบีทำให้เมอร์เทิลป่วยหนัก และเธอตัดสินใจทำแท้งใน 8 สัปดาห์ให้หลัง แต่เธอก็ตั้งครรภ์อีกในราว 3-4 เดือนหลังจากนั้น คราวนี้เมอร์เทิลให้กำเนิดทารกน้อยน่ารักได้ และเธอมีลูกเพิ่มอีกถึง 4 คน รวมแล้วเมอร์เทิลมีทายาทถึง 5 คน เป็นเด็กหญิง 4 ราย และเด็กชาย 1 ราย



          ในวาระสุดท้ายของชีวิต เมอร์เทิลและนางสาวบีก็ยังคงอยู่ร่วมกันมาโดยตลอด จนกระทั่งเมอร์เทิลสิ้นใจตาย ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1928 หลังวันเกิดอายุครบ 60 ปี ได้เพียง 6 วัน ด้วยภาวะติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัสที่ผิวหนัง (Streptococcal skin infection)







ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia.org

ภาพจาก Wikipedia, picturahistoria, ReelNostalgia
http://hilight.kapook.com/view/134251