Saturday, January 30, 2021

คนงานกัมพูชาเจอสิ่งมีชีวิตปริศนา ก่อนที่ชาวเน็ตเอ็นดูในความน่ารัก


เปิดภาพคนงานกัมพูชา พบสิ่งมีชีวิตปริศนา ที่งานนี้ชาวเน็ตเอ็นดูในความน่ารัก

เฟซบุ๊ก Lim Khyhong ได้เผยภาพของชายหนุ่มชาวกัมพูชาท่านหนึ่ง ในระหว่างที่กำลังขุดดินอยู่นั้น ได้พบสิ่งมีชีวิตปริศนาอยู่บริเวณนั้น เลยไม่รอช้าเอามาจับเล่นพร้อมถ่ายรูปไว้ซะหน่อย

หลังจากที่ภาพถูกแชร์ออกไป ชาวเน็ตต่างพากันหลงใหลในความน่ารักของมันกันทั้งโซเชียล




https://hilight.kapook.com/view/209975

Wednesday, January 20, 2021

เปิดกรุโลกหลังความตาย อียิปต์ขุดพบโลงศพมเหสีฟาโรห์ อายุกว่า 4,300 ปี

ภาพจาก KHALED DESOUKI / AFP

 เปิดกรุโลกหลังความตาย อียิปต์ขุดพบโลงศพมเหสีของฟาโรห์เดติ ในสุสานซักการา อายุเก่าแก่ร่วม 4,300 ปี พร้อมเปิดภาพโบราณวัตถุ โลงมัมมี่

ภาพจาก KHALED DESOUKI / AFP

วันที่ 18 มกราคม 2564 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า อียิปต์ประกาศข่าวการขุดพบอีกหนึ่งขุมทรัพย์ทางโบราณคดีครั้งสำคัญ จากการขุดสำรวจภายในสุสานซักการา ทางตอนใต้ของกรุงไคโร โดย ซาฮี ฮาวาส นักโบราณคดีซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำการขุดค้นนี้ ยืนยันว่าพวกเขาได้ค้นพบสุสานของ ราชินีนีต (Queen Neit) มเหสีของฟาโรห์เดติ (King Teti) ฟาโรห์องค์แรกของราชวงศ์ลำดับที่ 6 ซึ่งปกครองอียิปต์ในช่วง 2323 - 2150 ปีก่อนคริสต์ศักราช

ภาพจาก KHALED DESOUKI / AFP

นอกจากการขุดพบโลงศพมเหสีของกษัตริย์เดติ ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 4,300 ปี ทีมนักโบราณคดียังค้นพบโลงศพไม้โบราณอีก 52 โลง จากยุคราชอาณาจักรใหม่ ฝังอยู่ในระดับความลึกกว่า 12 เมตร พร้อมด้วยกระดาษปาปิรุสยาว 3.9 เมตร และข้อความที่หยิบยกมาจากคัมภีร์มรณะ และชุดคาถานำทางแก่ผู้วายชนม์ในโลกหลังความตาย

ภาพจาก KHALED DESOUKI / AFP

ฮาวาส เผยว่า นักโบราณคดียังขุดพบบ่อน้ำโบราณ โลงศพ ตลอดจนมัมมี่ที่ฝังอยู่ในสุสาน ซึ่งล้วนแล้วแต่มาจากยุคราชอาณาจักรใหม่ (ราว 1570 - 1069 ปีก่อนคริสต์ศักราช)

ภาพจาก KHALED DESOUKI / AFP

สำหรับการค้นพบในครั้งนี้เกิดขึ้น ภายหลังนักโบราณคดีดำเนินภารกิจขุดค้นในพื้นที่ใกล้ ๆ พีระมิเตติ ซึ่งเป็นสถานที่ฝังพระศพของฟาโรห์เดติ มาเป็นเวลานานนับทศวรรต โดยฮาวาส หวังเป็นอย่างยิ่งกว่าการค้นพบในครั้งนี้จะสร้างความกระจ่างด้านประวัติศาสตร์ของอียิปต์ในยุคราชอาณาจักรใหม่ให้มากขึ้น

ภาพจาก KHALED DESOUKI / AFP

          อนึ่ง ตลอดช่วงหลายที่ปีที่ผ่านมา อียิปต์ได้ประกาศข่าวการค้นพบทางโบราณคดีครั้งใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยความหวังจะสร้างแรงดึงดูดในภาคการท่องเที่ยว โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ก็เพิ่งประกาศข่าวการขุดพบโลงศพโบราณกว่า 100 โลง ที่ยังถูกปิดผนึกไว้ ซึ่งนับเป็นการขุดพบครั้งใหญ่ที่สุดของปี

ภาพจาก KHALED DESOUKI / AFP

ภาพจาก KHALED DESOUKI / AFP

ขอบคุณข้อมูลจาก dailymailyahoo

https://hilight.kapook.com/view/210260

Thursday, May 28, 2020

มาจากไหน ? เจ้าของรถผงะเจอะอะไรพุ่งใส่กระจกแตก ดูดี ๆ ถึงกับตะลึง นี่มันเต่า

ภาพจาก Latonya Lark

       สาวช็อก อยู่ ๆ เจอเต่าบินพุ่งกระแทกกระจกรถ ปักคาอยู่แบบนั้น สุดงงมาได้ยังไง ชี้หากไม่ชะลอรถ เต่าคงทะลุมาโดนหัวเต็ม ๆ สุดสลดเจ้าเต่าไม่รอด

       วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า หญิงรายหนึ่งมีอันต้องช็อกหนักเมื่ออยู่ ๆ ก็มีวัตถุแข็ง ๆ ขนาดใหญ่พุ่งเข้ามากระแทกใส่กระจกหน้ารถของเธอจนแตก ขณะที่เธอกำลังขับรถอยู่บนถนนในเมืองซาวันนาห์ รัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ และที่ทำให้เธออึ้งหนักไปยิ่งกว่านั้นก็คือวัตถุดังกล่าวไม่ใช่ก้อนหินหรืออิฐก้อนใหญ่ แต่เป็นเต่าตัวเป็น ๆ

        เหตุการณ์เต่าบินนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ ลาตอนยา ลาร์ก กับน้องชายของเธอ เควิน แกรนต์ กำลังขับรถเพลิน ๆ โดยอยู่ ๆ หางตาของลาร์กก็เหลือบไปเห็นวัตถุลักษณะคล้ายก้อนอิฐที่กำลังพุ่งตรงเข้ามายังรถของเธอ ในจังหวะนั้นเธอรีบชะลอรถ พร้อมตะโกนบอกน้องชายว่า "พระเจ้า ! มีอิฐบินข้ามถนนมา"



       และเพียงไม่กี่วินาทีจากนั้น วัตถุดังกล่าวก็กระแทกเข้ากับกระจกหน้ารถของเธอเข้าเต็ม ๆ จนเกิดเสียงดังสนั่นคล้ายระเบิด เศษแก้วแตกกระจายทั่วตัวเธอกับน้องชาย อย่างไรก็ตามเคราะห์ดีที่พวกเธอมีสติและพยายามหาอะไรมากำบัง ทำให้ได้แผลถูกกระจกบาดเล็กน้อย และโชคดีที่ลาร์กชะลอความเร็วในจังหวะนั้น ทำให้วัตถุดังกล่าวติดอยู่คากระจก ไม่ได้พุ่งทะลุเข้ามากระแทกใส่หัวของน้องชายเธอ

        "ผมจำได้ว่าพยายามหาอะไรบังตอนที่พี่ร้องเรียกชื่อผม หลังจากเต่ากระแทกกระจก พี่ยังช็อกและขับรถต่อไปอีกสักพัก ขณะที่ตัวผมซึ่งเต็มไปด้วยเลือด พยายามบอกเธอให้ใจเย็นและโทร. เรียกตำรวจ" น้องชายของลาร์ก เผยกับซีเอ็นเอ็น

        ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุและได้มองดูชัด ๆ ลาร์กจึงเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่พุ่งเข้ามาชนรถของเธอไม่ใช่ก้อนอิฐอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นเต่าตัวหนึ่ง โดยหลังจากนั้นมันก็ได้ถูกนำตัวไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อรักษาต่อไป แต่น่าเศร้าที่เธอได้ทราบในเวลาต่อมา ว่าเจ้าเต่าตัวนี้ต้องเสียขาจากการกระแทก และมันก็ตายลงเพราะเสียเลือดมาก

        ในขณะที่ทางตำรวจเองก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าเต่าตัวนี้กลายเป็นเต่าบิน มากระแทกกระจกหน้ารถคันดังกล่าวได้อย่างไร แต่คู่พี่น้องคาดว่าอาจมีรถคันอื่นชนเต่าตัวนี้ จนทำให้มันกระเด็นลอยข้ามถนนมา จนเกิดเหตุดังกล่าว โดยหลังเกิดเหตุลาร์กก็ได้นำเรื่องมาแชร์ต่อบนโซเชียลมีเดีย เพื่อเตือนใจผู้ขับขี่รถทั้งหลายให้ระมัดระวังสัตว์ป่าขณะขับขี่ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก ซีเอ็นเอ็น

https://hilight.kapook.com/view/202669

Monday, February 17, 2020

ญี่ปุ่นเผยคลิป ปลาออร์ฟิช 2 ตัวระยะใกล้ โผล่ว่ายเหนือน้ำ หวั่นลางร้ายภัยพิบัติ


        ญี่ปุ่นเผยคลิป ปลาออร์ฟิช 2 ตัว ถูกถ่ายได้ในระยะใกล้ หลังโผล่ขึ้นมาว่ายบนผิวน้ำ หวั่นเป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติ อาจมีแผ่นดินไหวใต้น้ำ-สึนามิ

        วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์อาซาฮี ชิมบุน หนังสือพิมพ์ของญี่ปุ่น เผยว่า มีผู้บันทึกคลิปวิดีโอ ปลาออร์ฟิช (Oarfish) ขนาดยาว 5 เมตร จำนวน 2 ตัว โผล่แหวกว่ายขึ้นมาเคียงคู่กันเหนือผิวน้ำ ที่บริเวณท่าเรือใกล้ท่าเรือตกปลา ริมชายฝั่งเมืองซาไก ในจังหวัดฟุกุอิ

        ตามรายงานระบุว่า โคจิ ทาบิระ และ โคโตเมะ ภรรยา อายุ 28 ปี ทั้งคู่ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกคลิปวิดีโอเมื่อเวลา 15.30 น. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทั้งสองคนเผยว่า รู้สึกตกตะลึงในสีฟ้าสดใสของปลา พวกมันแหวกว่ายให้เห็นอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะหายไปเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.  

        ด้านเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ กล่าวชื่นชมทั้งคู่ที่สามารถถ่ายคลิปวิดีโอช่วงเวลาสำคัญนี้เอาไว้ได้อย่างชัดเจน โดยกล่าวว่า "มันเป็นวิดีโอที่หายาก และมีค่าอย่างยิ่ง และมันอาจเป็นครั้งแรกในโลก ที่ได้เห็นปลาชนิดนี้ 2 ตัว กำลังว่ายน้ำอยู่ด้วยกัน"

        สำหรับ ปลาออร์ฟิช หรือที่คนไทยรู้จักกันว่า ปลาพญานาค เป็นปลากระดูกแข็งที่ยาวที่สุด อาศัยอยู่ในน่านน้ำลึกอย่างน้อย 200 เมตร และสามารถเติบโตได้ยาวถึง 10 เมตร ตามความเชื่อญี่ปุ่น เผยว่า การปรากฏตัวของปลาออร์ฟิช เป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติ เนื่องจากพวกมันอาจจะรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้น้ำจากแผ่นดินไหว ไปจนถึงการเกิดสึนามิ

คนแยกขยะช็อก เจอเงินสดซุกในกองขยะ นับ ๆ ดูมูลค่ารวมกันกว่า 11 ล้านเยน


         อึ้ง เจอเงินสดกว่า 11 ล้านเยน ซุกอยู่ในกองขยะที่ญี่ปุ่น ชี้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเงินเก่า อายุเกิน 23 ปี พนักงานแยกขยะอึ้ง รีบแจ้งทางโรงงานทราบ
          วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์โตเกียวรีพอร์เตอร์ รายงานว่า พนักงานประจำโรงงานคัดแยกขยะภายในโตโยต้า ซิตี จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ถึงกับอึ้งและแทบไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อได้พบเงินสดจำนวนมากอยู่ภายในกองขยะที่รถขนขยะนำมาที่โรงงาน โดยธนบัตรเหล่านั้นคิดเป็นเงินมูลค่าสูงถึง 11.27 ล้านเยน (ราว 3.19 ล้านบาท)

          รายงานเผยว่า การค้นพบดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ระหว่างที่พนักงานของโรงงานแยกขยะ กรีน คลีน ฟูจินูโอกะ กำลังคัดแยกชิ้นส่วนที่เป็นโลหะออกจากขยะชิ้นใหญ่ที่ชาวเมืองนำมาทิ้ง โดยพนักงานคนดังกล่าวได้เจอธนบัตรมูลค่า 10,000 เยน ก่อน 1 ใบ ก่อนจะพบธนบัตรส่วนที่เหลือ ใส่ไว้ในซองจำนวน 10 ซอง โดยซองเงินเหล่านี้ถูกซุกไว้ตามรอยแยกของโต๊ะไม้เก่า ๆ
          รายงานเผยว่า เงินสดบางซองเป็นเงินเก่าแบบที่มีการใช้กันตั้งแต่ก่อนปี 2550 โดยธนบัตรทั้งหมดที่ถูกพบนั้นประกอบด้วย ธนบัตรมูลค่า 10,000 เยน จำนวน 1,118 ใบ ธนบัตรมูลค่า 5,000 เยน จำนวน 15 ใบ และธนบัตรมูลค่า 1,000 เยน จำนวน 15 ใบ ซึ่งตอนแรกที่พบเงิน พนักงานรายดังกล่าวยังสงสัยอยู่ว่าเงินเหล่านี้ใช่เงินจริงหรือไม่
          ทั้งนี้ ทางเทศบาลเมืองซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงงานแยกขยะดังกล่าว กำลังเตรียมติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นเพื่อให้เข้ามาจัดการเงินเหล่านี้ โดยที่เจ้าของเงินจะมีเวลา 3 เดือน ในการเข้ามาอ้างสิทธิและรับเงินคืน

Monday, January 13, 2020

เต่ายักษ์ตัวพ่อ ปิดฉากชีวิตเพลย์บอย จะได้กลับสู่ป่า หลังลุยผสมพันธุ์ ผลิตทายาทกว่า 800 ตัว

ภาพจาก RODRIGO BUENDIA / AFP

ดีเอโก้ เต่ายักษ์กาลาปากอส จะได้กลับคืนสู่ธรรมชาติแล้ว หลังลุยศึกผสมพันธุ์เต่าเพศเมียมา 50 ปี ผลิตทายาทกว่า 800 ตัว ช่วยสายพันธุ์ให้รอดจากการสูญพันธุ์

วันที่ 13 มกราคม 2563 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น มีรายงานเรื่องราวของ ดีเอโก้ เต่ายักษ์กาลาปากอส อายุ 100 ปี สุดยอดเต่าตัวพ่อ ที่ความอึด คึก สู้ ของมัน ได้กลายมาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยไม่ให้สายพันธุ์ของมันมาถึงจุดสิ้นสุด ลุยผสมพันธุ์กับเต่าเพศเมียจนสามารถผลิตทายาทได้กว่า 800 ตัว ซึ่งในตอนนี้ หลังจากที่เจ้าดีเอโก้สู้ศึกอย่างโชกโชนร่วม 50 ปี ในที่สุดมันก็จะได้รับการปลดเกษียณ ถูกปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเสียที


ภาพจาก RODRIGO BUENDIA / AFP

รายงานเผยว่า เดิมที ดีเอโก้ เป็นเต่ายักษ์กาลาปากอส ที่อยู่ในความดูแลของสวนสัตว์ซานดิเอโก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ก่อนที่มันจะถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการขยายพันธุ์เต่ายักษ์บนเกาะเอสปาโนลา ในหมู่เกาะกาลาปากอส โดยฐานทัพในการประกอบกิจของดีเอโก้ จะอยู่ที่เกาะซานตาครูซ ซึ่งจะมีการส่งลูกเต่าที่ได้ไปยังเกาะเอสปาโนลา ในภายหลัง
ตอนที่ดีเอโก้เพิ่งเข้ามาร่วมโครงการ พบว่าบนเกาะเอสปาโนลา มีเต่าสายพันธุ์เดียวกับมันเพียง 15 ตัวเท่านั้น คือ ตัวผู้ 2 ตัว และตัวเมีย 13 ตัว แต่หลังจากเวลาผ่านไปนานร่วม 50 ปี พบว่าในตอนนี้เต่ายักษ์กาลาปากอสบนเกาะดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มขึ้นร่วม 2,000 ตัว



ที่น่าทึ่งคือ ดีเอโก้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเต่าที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเป็นผู้ให้กำเนิดลูกเต่าถึง 40% จากลูกเต่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากโปรแกรมขยายสายพันธุ์ หรือพูดง่าย ๆ คือ มีลูกเต่าราว 800 ตัว ที่มีดีเอโก้เป็นพ่อพันธุ์

ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาสิ้นสุดชีวิตเพลย์บอย ดีเอโก้ก็จะถูกส่งกลับคืนสู่ธรรมชาติที่หมู่เกาะกาลาปากอส ซึ่ง จอร์จ แคริออน ผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติกาลาปากอส ชื่นชมเต่าตัวนี้ว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากในการสืบทอดสายพันธุ์ของมัน และเขาก็มีความสุขที่เจ้าเต่าตัวนี้จะได้รับโอกาสกลับคืนสู่ธรรมชาติตามปกติของมันเสียที


https://hilight.kapook.com/view/198651

Wednesday, December 25, 2019

เผยภาพ ตะไคร่น้ำ-แพลงก์ตอนบลูม ณ ปากน้ำปราณ ความงดงามจากธรรมชาติ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Junja Asa  

เผยภาพปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูม ทะเลเรืองแสง และตะไคร่น้ำ สีเขียวสด และขาวนวลราวกับปุยนุ่น ที่ทะเลปากน้ำปราณ สวยแปลกตา ความงดงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง

วันที่ 25 ธันวาคม 2562 แฟนเพจ ปากน้ำปราณพลังใหม่ ได้มีการเผยภาพตะไคร่น้ำ สีเขียวสด และสีขาวราวกับปุยนุ่น พร้อมข้อความระบุว่า ช่วงนี้ใครผ่านไปผ่านมาเที่ยวชาดหาดปากน้ำปราณ ก็เห็นเหมือนมีใครมาปูพรมเขียวอยู่ที่หาด นั่นคือ "ตะไคร่น้ำ" เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่อีกสักพักก็จะหายไป

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Junja Asa  

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Junja Asa  

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Junja Asa  

ซึ่งนอกจากปรากฎการตะไคร่น้ำ ยังมีการเผยภาพ "แพลงก์ตอนบลูม" พร้อมข้อความระบุว่า น้ำทะเลเป็นสีเขียว และอาจมีกลิ่นเล็กน้อย เป็นปรากฏการณ์แพลงก์ตอนโตเร็วจนออกซิเจนไม่พอ ในช่วงกลางวันน้ำเป็นสีเขียวอาจจะไม่สวยมากนัก แต่พอกลางคืนถือว่าสวยมาก หลายคนอาจจะเรียกว่า "พายน้ำ" จะมีแสงสีฟ้า ๆ เมื่อกระทบกับคลื่น ถือว่าสวยงามเลยทีเดียว ปรากฏการณ์?นี้อาจจะอยู่ 2-3 วันก็จะหายไปเอง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Junja Asa  

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Junja Asa  

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Junja Asa  

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Junja Asa  

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Junja Asa  

https://hilight.kapook.com/view/197902