Friday, February 26, 2016

ทนไม่ได้ ! ชายวัย 65 แต่งงานเด็กหญิงอายุ 12 ชาวเมืองช็อกแห่เข้าขัดขวาง


    
          เปิดคลิปการทดลองสังคมอเมริกัน เมื่อชายวัย 65 จูงมือเด็กสาววัยเพียง 12 ปี ไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งกลางนครนิวยอร์ก ทำชาวเมืองตะลึงงัน ต่างรับไม่ได้พากันเข้าห้ามสุดกำลัง

          กลายเป็นกระแสที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อสมาชิกชื่อดังทางเว็บไซต์ยูทูบ Coby Persin ได้โพสต์คลิปวิดีโอแสดงเหตุการณ์กลางจัตุรัสไทม์สแควร์  ในนครนิวยอร์ก เมื่อชายวัยเกษียณอายุ 65 ปี จูงมือว่าที่เจ้าสาววัย 12 ปี ไปถ่ายพรีเวดดิ้ง สร้างความตะลึงงันแก่หมู่ชาวเมืองในบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก โดยเว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ ได้หยิบยกคลิปดังกล่าว มารายงานเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559

  
          ภายในคลิปเผยให้เห็นว่า ขณะที่ชายสูงอายุและเด็กสาวในชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาว พร้อมกับตากล้องพากันเดินไปถ่ายภาพตรงจุดต่าง ๆ ผู้คนจำนวนมากต่างพากับจับจ้องทั้งคู่ด้วยความประหลาดใจสุดขีด สายตาของทุกคู่ที่มองมาบ่งบอกถึงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

          กระทั่งมีหญิงรายแรกเดินเข้าไปถามเด็กสาวที่มีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายว่า "แม่ของหนูอยู่ไหนเหรอ ?" ฝ่ายชายจึงอธิบายว่า แม่เธออนุญาตให้แต่งงานแล้ว หญิงรายนั้นจึงถึงกับอุทานว่า "นี่พวกคุณล้อเล่นกันหรือไง เธอยังเด็กเกินไป"

  
             หลังจากพากันมายังอีกมุม หญิงอีกรายหนึ่ง ได้เข้าไปสอบถามก่อนจะดึงตัวเด็กสาวออกมาจากว่าที่สามีวัยคราวปู่ของเธอ เช่นเดียวกับชาย 2 รายที่หน้าร้านค้าในบริเวณนั้น เมื่อได้เห็นต่างพยายามเข้าไปถามเด็กสาวว่า ยินยอมพร้อมใจที่จะแต่งงานจริงหรือ แต่เมื่อเด็กสาวไม่ตอบ จึงมั่นใจว่าเธอถูกบังคับ และพยายามจับทั้งคู่แยกออกจากกันเพื่อพาเธอไปหาตำรวจ

  
             ชาวเมืองหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็พากันทนไม่ได้เข้ามาทักท้วงห้ามปรามอย่างเต็มที่ มีคนหนึ่งเข้ามาต่อว่าอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาบอกว่า "นี่มันไม่ถูกต้อง ฉันมั่นใจว่าถ้าเรียกตำรวจมา พวกเขาจะต้องจัดการได้แน่ ๆ" พร้อมเดินหน้าเข้าหาชายแก่ ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่มาห้ามไว้ก่อนจะเกิดเหตุชุลมุน

  
             อย่างไรก็ดี คลิปดังกล่าวนี้เป็นเพียงการทดลองทางสังคมที่จัดฉากขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนชาวอเมริกันได้เพิ่มความตระหนักถึงประเด็นเรื่องการแต่งงาน กับเยาวชน ที่ยังคงเป็นเรื่องถูกกฎหมายอยู่ในบางรัฐ โดยทีมผู้ทดลองเชื่อว่า การยกปัญหานั้นมาให้เห็นตรงหน้า อาจจะทำให้พวกเขาเข้าใจและเห็นความสำคัญของปัญหามากขึ้น จึงเกิดเป็นคลิปดังกล่าวขึ้น ซึ่งขณะนี้มีผู้เข้าไปชมกว่า 9 แสนวิวแล้ว












http://hilight.kapook.com/view/133366

Thursday, February 25, 2016

เศร้า ตูบนั่งรอนายหน้าบ้านทุกวัน ไม่รู้นายถูกโจรสังหารไปแล้ว





          สะเทือนใจ ตูบนั่งรอการกลับมาของเจ้านายที่หน้าบ้านทุกวันนานหลายสัปดาห์ ไม่รู้เลยว่าเจ้านายถูกยิงตายคาร้านสะดวกซื้อที่เขาทำงานอยู่ไปแล้ว

          วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล ได้ เผยภาพของเจ้าตูบสายพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด ตัวหนึ่ง มันคอยนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าบ้านแห่งหนึ่งในเมืองฮูสตัน รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา โดยไม่ยอมลุกจากไปไหนเป็นเวลาหลายสัปดาห์ด้วยกัน และเมื่อได้ทราบสาเหตุที่มันนั่งอยู่เช่นนี้ ก็ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยเลย

  
        เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เกิดเหตุโจรติดอาวุธ อำพรางใบหน้า บุกปล้นร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในเมืองฮูสตันอย่างอุกอาจ และยิงนายแฮเทม อาบูฮาร์บิด วัย 54 ปี ซึ่งทำงานอยู่ในร้านแห่งนี้ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยคลิปวงจรปิดหน้าร้านสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้ไว้ได้

          หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่ทราบข่าว และได้เห็นพฤติกรรมของเจ้าตูบที่นั่งรอนายแฮเทมกลับมาบ้านอย่างตั้งตารอเช่น นี้ ต่างก็รู้สึกสงสารและสลดใจไปด้วยเช่นกัน บ้างก็คอยนำอาหารไปให้มันกินอยู่เสมอ

  
             แคสแซนดรา อูแบงส์ หนึ่งในเพื่อนบ้านเล่าว่า เจ้า ตูบตัวนี้คอยวิ่งตามรถหลาย ๆ คันที่ขับผ่าน แต่พอเห็นว่าไม่ใช่เจ้านายมัน มันก็จะกลับมานั่งที่เดิมหน้าร้าน ทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เจ้านายมันจากไป มันก็ยังไม่ยอมไปไหน รอคอยอย่างมีหวังว่านายมันจะกลับมาหา

  
               กระทั่ง มาแรนดา เปเรซ เพื่อนบ้านคนหนึ่งสงสารคอยนำอาหารไปให้มัน จนสามารถชักชวนเจ้าตูบตัวนี้มาเลี้ยงไว้ได้ เธอเผยว่า มันยังสั่นกลัวทุกครั้งที่เธอไปแตะตัวมัน และตอนนี้เธอจะดูแลมันไว้ให้ จนกว่าน้องชายของนายแฮเทมจะมารับมันไปเลี้ยงต่อ



http://pet.kapook.com/view142342.html

Wednesday, February 24, 2016

แม่ใจทมิฬฝังทารกน้อยทั้งเป็น ชาวบ้านผ่านมาเห็น-ช่วยรอดปาฏิหาริย์





ทารกน้อยเพิ่งคลอดถูกแม่ใจทมิฬจับคว่ำหน้ายัดใส่ถุงพลาสติกรัดคอ ก่อนนำฝังดินทั้งเป็น แต่โชคดีชาวบ้านผ่านมาเห็นรีบขุดขึ้นมาได้ทัน

        วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนโลกโซเชียลได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความใจร้ายใจดำของแม่คนหนึ่งที่ นำเด็กทารกที่เพิ่งคลอดมาฝังดินทั้งเป็น โดยเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่าน เฟซบุ๊ก ตูมตาม เดอะสกอร์ ระบุว่า มีแม่เอาเด็กมาทิ้งไว้ที่ทุ่งนาติดกับ
บ้านโนนสวรรค์ ต.คอนฉิม อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น โดยตอนนี้น้องอยู่โรงพยาบาลแวงใหญ่ และกำลังจะส่งตัวน้องไปโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น พร้อมขอให้เพื่อน ๆ ช่วยแชร์เพื่อตามหาพ่อแม่ของน้องด้วยครับ

  
          ต่อมา ผู้สื่อข่าวของเดลินิวส์ออนไลน์ ได้สอบถาม นางขจิต ครองยุทธ์ อายุ 53 ปี ผู้พบเด็กทารกเพศชายรายนี้ ทราบว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.00-18.00 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอนที่ตนกำลังต้อนวัวที่เลี้ยงไว้กลับเข้าคอก ก็ได้ยินเสียงเหมือนงูกัดกับตุ๊กแกจึงพยายามมองหา แต่ก็ไม่พบอะไร จนเสียงดังขึ้นเป็นครั้งที่ 3 จึงได้มองไปที่บริเวณพื้นดิน ก็เห็นว่ามีพื้นดินจุดหนึ่งที่ถูกขุดขึ้นมาใหม่ ๆ และเสียงก็ดังมาจากจุดนั้น ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปพร้อมกับถือไม้ไปเขี่ยที่พื้นดิน โดยภาพแรกที่ได้เห็นตนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะเห็นเท้าเด็กโผล่ขึ้นมาจึงรีบช่วยเหลือ เมื่อสามีและผู้ใหญ่บ้านเดินทางมายังจุดที่ตนพบเด็กทารก ก็ช่วยกันนำตัวเด็กทารกขึ้นมาจากหลุมที่ลึกประมาณ 20 เซนติเมตร และนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที


        นางขจิต กล่าวต่อว่า ตอนที่ขุดเจอเด็กทารกนั้น ตนแทบช็อก เพราะไม่คิดว่าจะมีคนนำเด็กทารกมาฝังดินทั้ง ๆ ที่เด็กยังมีลมหายใจอยู่แบบนี้ และ ยิ่งตอนที่เห็นสภาพของเด็กทารกที่เพิ่งช่วยกันขุดขึ้นมาเนื้อตัวเต็มไปด้วย คราบเลือด แถมยังถูกรัดคอด้วยถุงพลาสติกแบบนั้น ก็ยิ่งรู้สึกสงสาร และอยากถามคนที่ทำว่า จิตใจทำด้วยอะไรจึงได้กล้าทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ได้

  
      ด้านนายพรชัย มานาง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านโนนสวรรค์ ต.คอนฉิม อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า จุดที่พบร่างเด็กทารกเป็นป่าต้นยูคาลิปตัส ซึ่งอยู่กลางทุ่งนา และโดยรอบบริเวณดังกล่าวก็พบรอยล้อรถจักรยานยนต์และรอยเท้า ทั้งนี้ ยังพบเสื้อยืดสีชมพูเปื้อนคราบเลือดอีกด้วย

        โดยภายหลังได้นำตัวเด็กส่งโรงพยาบาลแวงใหญ่ จ.ขอนแก่น แพทย์ก็ได้ตรวจร่างกายของเด็กทารกคนดังกล่าว พร้อมแจ้งว่า เด็กทารกคนนี้มีร่องรอยถูกทำร้าย เนื่องจากที่บริเวณหน้าท้องเขียวช้ำ และมีบาดแผลหลายจุด แต่ขณะนี้อาการปลอดภัยดี

  
       นายพรชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ต้องบอกเลยว่าเด็กทารกคนนี้เป็นเด็กที่มีบุญจริง ๆ เพราะปกติบริเวณที่พบตัวเด็กทารกนั้น ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน แต่เด็กทารกคนนี้กลับโชคดีที่มีคนไปเจอเข้า จึงทำให้รอดชีวิตมาได้   
     
        ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่า ผู้ที่นำเด็กทารกมาฝังทั้งเป็นนั้น น่าจะเป็นคนในพื้นที่ และหลังจากนี้จะเร่งสืบสวนข้อมูลเพื่อติดตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของเด็กให้ได้โดยเร็วที่สุด



ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตูมตาม เดอะสกอร์


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
http://hilight.kapook.com/view/133263

Sunday, February 21, 2016

เลวเข้าเส้นเลือด ชายติดคุก 30 ปี พ้นโทษได้ 2 วัน ฆ่าแม่บังเกิดเกล้า




               ชายติดคุกนาน 30 ปี จากคดีฆาตกรรม แต่การติดคุกไม่เคยทำให้เขาสำนึก พอพ้นคุกมาได้เพียง 2 วัน ก่อเหตุชั่วกว่าเดิม ฆ่าแม่บังเกิดเกล้า

                รายงานจากเว็บไซต์เมโทรของอังกฤษ ระบุว่า ชายรายนี้มีนามว่า สตีเวน แพรตต์ ชาวอเมริกันในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เขาได้ก่อคดีฆาตกรรมเมื่อปี 2527 ขณะที่เขาอายุ 15 ปี โดยได้ใช้ปืนยิงเพื่อนบ้านเสียชีวิต หลังจากนั้นศาลก็ตัดสินให้เขาจำคุกเป็นเวลา 30 ปีเต็ม คาดว่าการติดคุกนานขนาดนี้คงจะเพียงพอที่จะทำให้เขาสำนึกและปรับตัวเป็นคนดี ของสังคมได้

                แต่แล้วใครจะคาดคิดว่าความเลวยังคงอยู่ในตัวเขาอย่างท่วมท้น เพราะหลังจากที่เขาออกจากคุกเมื่อปี 2557 เขาก็ก่อเหตุชวนช็อกกว่าเดิม นั่นคือฆ่าแม่บังเกิดเกล้าของตัวเอง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 2 วันหลังจากที่เขาออกจากคุก

                รายงาน ระบุว่าในวันที่เขาพ้นโทษ ครอบครัวของเขาได้จัดปาร์ตี้ตอนรับการกลับมาอย่างมีอิสรภาพ ทุกคนดีใจที่เขาออกจากคุกมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวได้อีกครั้ง แต่แล้วพวกเขาก็ยินดีได้ไม่นาน เพราะหลังจากคุกมาได้ 2 วัน นางเกวนโดลิน แพรตต์ แม่วัย 64 ปีของสตีเวนก็ถูกพบเป็นศพที่บ้าน มีร่องรอยการถูกทุบตีด้วยของแข็งที่ศีรษะ และตำรวจก็ได้จับกุมสตีเวนอีกครั้ง

                การพิจารณาคดีของศาลเริ่มต้นขึ้น ล่าสุดในสัปดาห์นี้ ศาลมีคำตัดสินให้สตีเวนมีความผิดจริงฐานฆาตกรรม คาดว่าเขาจะถูกจำคุกอีก 25 ปี

                ทั้งนี้ข้อมูลจากสำนักงานสถิติศาลยุติธรรม ประจำปี 2557 พบว่า 77 เปอร์เซ็นต์ของนักโทษที่ถูกปล่อยตัวหลังรับโทษครบกำหนด กระทำความผิดใหม่และถูกจับอีกครั้งภายใน 5 ปี แต่ถึงอย่างนั้นเคสที่กระทำความผิดทันทีหลังออกจากคุกอย่างสตีเวน นับว่าไม่ค่อยพบและเป็นเรื่องที่ไม่ปกติมาก

                ด้านโรนัลด์ กรุน นักจิตวิทยาซึ่งทำงานตรวจสอบสภาพจิตของนักโทษมานานหลายสิบปี เผยว่า "ถ้าใครสักคนถูกจำคุกนานถึง 30 ปี ในช่วงที่เขาเป็นผู้ใหญ่ เขาจะไม่ได้ลิ้มรสการมีความรัก ไม่มีแฟน อาจเป็นไปได้ว่าเขารู้สึกโกรธและเกิดความหวาดระแวง อาจรู้สึกแย่มาก ๆ กับโลกใบนี้"

ภาพจาก Askkissy
http://hilight.kapook.com/view/133176