นักดับเพลิงช่วยลูกสุนัขพ้นไฟไหม้ โตขึ้นมามันเลยกลายเป็นสุนัขดับเพลิง

        เจ้าตูบติดเพลิงไหม้จนเกือบตาย แต่สุดโชคดีมาเจอหนุ่มนักดับเพลิงใจประเสริฐ ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยออกมาจากกองเพลิง ตอนนี้มันเลยได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง เป็นเจ้าตูบนักดับเพลิงสุดเท่ นับเป็นบุญของมันจริง ๆ

          เว็บไซต์เดอะโดโด้ เผยเรื่องราวชวนซาบซึ้งใจจาก บิลล์ ลินด์เลอร์ นักดับเพลิงชาวอเมริกัน จากรัฐเซาท์แคโรไลนา ผู้ยอมเสี่ยงตายเข้าช่วยลูกสุนัขสายพันธุ์พิทบูลเคราะห์ร้าย จนมันได้มีชีวิตใหม่อีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ

          บิลล์ เล่าเรื่องราวให้ฟังว่า วันหนึ่งเขาเลิกงานกลับมาบ้าน พลันสังเกตเห็นเปลวเพลิงลุกไหม้มาจากโรงจอดรถของข้างบ้าน เขาจึงเข้าไปช่วยเหลือในทันที และในนั้นบิลล์ก็ได้เห็นแม่-ลูกสุนัขครอกหนึ่ง กำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แต่มีลูกสุนัขตัวหนึ่งติดอยู่ในกองเพลิงซึ่งมีผนังร่วงมาใส่ มันส่งเสียงร้องครางอย่างหวาดกลัว

  

         เมื่อหน่วยดับเพลิงกำลังเสริมมาถึง บิลล์ตัดสินใจเข้าไปช่วยเจ้าลูกสุนัขตัวนั้นออกมา เขาเล่าว่า มันอาการรอมร่อมาก ทั้งนอนแน่นิ่งและไม่หายใจ เขาจึงช่วยผายปอดให้มันในเบื้องต้น จนกระทั่งมันสามารถรับออกซิเจนเองได้ ทว่าร่างกายมันได้รับบาดเจ็บสาหัส ลำตัวถูกเปลวไฟเผาไหม้ไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ มันจึงต้องถูกส่งตัวไปรักษากับสัตวแพทย์โดยไว

 
          2-3 สัปดาห์ต่อมา บิลล์ก็ได้เข้าไปเยี่ยมดูอาการของเจ้าตูบน้อยที่ตอนนี้มันกลายเป็นสุนัข กำพร้าไปแล้ว เขาจึงเกิดสงสารรับมันมาเลี้ยงดู ทำให้ทางสัตวแพทย์บอกว่าไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล เพื่อเป็นการทดแทนความมีเมตตาของเขา

  

        บิลล์ตั้งชื่อให้มันว่าเจ้าเจค (Jake) เขาเลี้ยงดูมันเป็นอย่างดี เมื่อเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์บาดแผลของมันก็เริ่มทุเลาขึ้น บิลล์จึงได้นำมันไปที่ทำงาน แถมมีชุดพนักงานดับเพลิงที่ภรรยาของเขาทำให้มันใส่ด้วย เท่สุด ๆ ไปเลย บางครั้งก็พามันไปสอนการป้องกันไฟไหม้กับเด็ก ๆ ที่โรงเรียนด้วย ใครที่ได้เห็นเจ้าเจคต่างก็พากันหลงใหลในความน่ารักของมัน

          ถึงตอนนี้เจ้าเจคจะยังคงเหลือรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่มันก็กลายเป็นตูบที่รักของหลาย ๆ คน อีกทั้งมันยังแข็งแกร่งขึ้นจนได้รับการบรรจุให้เป็นสุนัขดับเพลิง และยังเป็นมาสคอตของสถานีดับเพลิงอีกด้วย บิลล์เผยว่า มันทั้งแข็งแรงและมีความสุขขึ้นมาก เขาเองรู้สึกภูมิใจจริง ๆ ที่มันได้มีชีวิตใหม่ที่สวยงามเช่นนี้

  

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Jakes Page

http://pet.kapook.com/view143303.html