คุณแม่ใจสลายหลังรู้ว่าลูกน้อยอาจไม่รอดชีวิต แต่ขออุ้มท้องต่อจนถึงวันคลอด
หวังบริจาคร่างของลูกน้อยเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ๆ
การได้รู้ว่ามีชีวิตเล็ก ๆ กำลังอยู่ในครรภ์นั้น นับเป็นหนึ่งในช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างถึงที่สุดของผู้เป็นแม่ ไม่ต้องสงสัยเลยที่ผู้เป็นแม่จะเฝ้านับวันคืน รอคอยที่จะได้อุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมกอด ได้เลี้ยงดูพวกเขาด้วยความรักหลังจากนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับ เครี่ ยัง คุณแม่จากรัฐโอคลาโฮมา สหรัฐฯ ช่วงเวลาที่เธอเฝ้าฝันเหล่านั้นอาจไม่มีวันเป็นจริง ภายหลังได้ทราบว่าลูกน้อยของเธอมีภาวะเด็กกบ (Anencephaly) และอาจจะไม่มีชีวิตรอด
โดยเว็บไซต์เดลี่เมล ได้นำเรื่องราวของเธอมานำเสนอเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 ระบุว่า เครี่และสามีได้ทราบข่าวร้ายสุดช็อกขณะที่เธอเข้ารับอัลตร้าซาวด์ ภายหลังตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ ด้วยภาวะเด็กกบนั้นหมายถึงลูกของเธอจะเกิดมาโดยที่ไม่มีสมองและกะโหลกศีรษะ และอาจจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังคลอด
การได้รู้ว่ามีชีวิตเล็ก ๆ กำลังอยู่ในครรภ์นั้น นับเป็นหนึ่งในช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างถึงที่สุดของผู้เป็นแม่ ไม่ต้องสงสัยเลยที่ผู้เป็นแม่จะเฝ้านับวันคืน รอคอยที่จะได้อุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมกอด ได้เลี้ยงดูพวกเขาด้วยความรักหลังจากนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับ เครี่ ยัง คุณแม่จากรัฐโอคลาโฮมา สหรัฐฯ ช่วงเวลาที่เธอเฝ้าฝันเหล่านั้นอาจไม่มีวันเป็นจริง ภายหลังได้ทราบว่าลูกน้อยของเธอมีภาวะเด็กกบ (Anencephaly) และอาจจะไม่มีชีวิตรอด
โดยเว็บไซต์เดลี่เมล ได้นำเรื่องราวของเธอมานำเสนอเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 ระบุว่า เครี่และสามีได้ทราบข่าวร้ายสุดช็อกขณะที่เธอเข้ารับอัลตร้าซาวด์ ภายหลังตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ ด้วยภาวะเด็กกบนั้นหมายถึงลูกของเธอจะเกิดมาโดยที่ไม่มีสมองและกะโหลกศีรษะ และอาจจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังคลอด
ข่าวร้ายที่คาดไม่ถึงทำให้โลกทั้งใบของเครี่แตกสลาย 24
ชั่วโมงหลังจากนั้นคือช่วงเวลาที่แสนทรมาน
เธอกินไม่ได้และนอนไม่หลับ แม้ร่างกายจะแสนเหนื่อยล้า เธอร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา ยากที่จะยอมรับว่าลูกน้อยที่เธอยังสัมผัสได้ถึงการดิ้นและเสียงหัวใจของเขา
จะต้องจากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ
อย่างไรก็ตามในการพบแพทย์ครั้งต่อไป เธอก็ได้ทราบจากแพทย์ว่าแม้ทารกของเธอจะไม่มีชีวิตรอด แต่ร่างกายของเขายังอาจจะช่วยชีวิตคนอื่น ๆ ได้อีกมาก หากเธอยอมที่จะบริจาคร่างของลูกน้อย เพื่อมอบอวัยวะอย่างลิ้นหัวใจ ไต ตับ และปอด เพื่อนำไปใช้ในการวิจัยทางแพทย์ หลังจากได้ทราบเช่นนั้นแล้ว เธอก็ตัดสินใจที่จะขออุ้มท้องลูกในครรภ์ต่อไปอีก 20 สัปดาห์ จนกว่า เอวา ลูกสาวคนนี้จะเธอจะคลอด ขอเลี้ยงดูลูกน้อยคนนี้แม้จะมีเวลาอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมกอดเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
อย่างไรก็ตามในการพบแพทย์ครั้งต่อไป เธอก็ได้ทราบจากแพทย์ว่าแม้ทารกของเธอจะไม่มีชีวิตรอด แต่ร่างกายของเขายังอาจจะช่วยชีวิตคนอื่น ๆ ได้อีกมาก หากเธอยอมที่จะบริจาคร่างของลูกน้อย เพื่อมอบอวัยวะอย่างลิ้นหัวใจ ไต ตับ และปอด เพื่อนำไปใช้ในการวิจัยทางแพทย์ หลังจากได้ทราบเช่นนั้นแล้ว เธอก็ตัดสินใจที่จะขออุ้มท้องลูกในครรภ์ต่อไปอีก 20 สัปดาห์ จนกว่า เอวา ลูกสาวคนนี้จะเธอจะคลอด ขอเลี้ยงดูลูกน้อยคนนี้แม้จะมีเวลาอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมกอดเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
"เธอมีมือเท้าที่สมบูรณ์ มีไต ตับ
ปอดที่สมบูรณ์พร้อม แต่น่าเศร้าที่เธอไม่มีสมองที่สมบูรณ์ เราเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าเธอเกิดมาพร้อมสภาวะเด็กกบ"
เครี่ โพสต์ในเฟซบุ๊กของเธอ พร้อมกับลงภาพอัลตร้าซาวด์ของลูกน้อย
ทั้งนี้ภายหลังจากที่เครี่ได้แชร์เรื่องการตัดสินใจครั้งสำคัญของเธอ ก็ทำให้เธอและสามีได้รับเสียงสนับสนุนและกำลังใจอย่างล้นหลามจากผู้คนรอบตัวเธอ รวมถึงคนบนโลกออนไลน์ ขณะที่ รอยซ์ ยัง ผู้เป็นสามีก็ได้ชื่นชมภรรยาในความกล้าหาญและความเสียสละอย่างน่าทึ่งของเธอ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า "ผมอยากให้ลูกสาวของเราเกิดมาสมบูรณ์ อยากให้เธอได้เป่าเทียนวันเกิดขวบแรก อยากเฝ้ามองตอนที่เธอเอาหัวโขกโต๊ะกาแฟขณะหัดเดิน อยากเห็นบิลค่าโทรศัพท์ที่เธอส่งข้อความหาเด็กหนุ่ม อยากได้เห็นเธอเดินเข้าโบสถ์ในพิธีแต่งงาน แต่โชคร้ายที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะนี่คือเรื่องจริงที่เราห้ามไม่ได้"
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Royce Young, เฟซบุ๊ก Keri Young
ทั้งนี้ภายหลังจากที่เครี่ได้แชร์เรื่องการตัดสินใจครั้งสำคัญของเธอ ก็ทำให้เธอและสามีได้รับเสียงสนับสนุนและกำลังใจอย่างล้นหลามจากผู้คนรอบตัวเธอ รวมถึงคนบนโลกออนไลน์ ขณะที่ รอยซ์ ยัง ผู้เป็นสามีก็ได้ชื่นชมภรรยาในความกล้าหาญและความเสียสละอย่างน่าทึ่งของเธอ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า "ผมอยากให้ลูกสาวของเราเกิดมาสมบูรณ์ อยากให้เธอได้เป่าเทียนวันเกิดขวบแรก อยากเฝ้ามองตอนที่เธอเอาหัวโขกโต๊ะกาแฟขณะหัดเดิน อยากเห็นบิลค่าโทรศัพท์ที่เธอส่งข้อความหาเด็กหนุ่ม อยากได้เห็นเธอเดินเข้าโบสถ์ในพิธีแต่งงาน แต่โชคร้ายที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะนี่คือเรื่องจริงที่เราห้ามไม่ได้"
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Royce Young, เฟซบุ๊ก Keri Young
https://hilight.kapook.com/view/149493
No comments:
Post a Comment