Thursday, May 28, 2020

มาจากไหน ? เจ้าของรถผงะเจอะอะไรพุ่งใส่กระจกแตก ดูดี ๆ ถึงกับตะลึง นี่มันเต่า

ภาพจาก Latonya Lark

       สาวช็อก อยู่ ๆ เจอเต่าบินพุ่งกระแทกกระจกรถ ปักคาอยู่แบบนั้น สุดงงมาได้ยังไง ชี้หากไม่ชะลอรถ เต่าคงทะลุมาโดนหัวเต็ม ๆ สุดสลดเจ้าเต่าไม่รอด

       วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า หญิงรายหนึ่งมีอันต้องช็อกหนักเมื่ออยู่ ๆ ก็มีวัตถุแข็ง ๆ ขนาดใหญ่พุ่งเข้ามากระแทกใส่กระจกหน้ารถของเธอจนแตก ขณะที่เธอกำลังขับรถอยู่บนถนนในเมืองซาวันนาห์ รัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ และที่ทำให้เธออึ้งหนักไปยิ่งกว่านั้นก็คือวัตถุดังกล่าวไม่ใช่ก้อนหินหรืออิฐก้อนใหญ่ แต่เป็นเต่าตัวเป็น ๆ

        เหตุการณ์เต่าบินนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ ลาตอนยา ลาร์ก กับน้องชายของเธอ เควิน แกรนต์ กำลังขับรถเพลิน ๆ โดยอยู่ ๆ หางตาของลาร์กก็เหลือบไปเห็นวัตถุลักษณะคล้ายก้อนอิฐที่กำลังพุ่งตรงเข้ามายังรถของเธอ ในจังหวะนั้นเธอรีบชะลอรถ พร้อมตะโกนบอกน้องชายว่า "พระเจ้า ! มีอิฐบินข้ามถนนมา"



       และเพียงไม่กี่วินาทีจากนั้น วัตถุดังกล่าวก็กระแทกเข้ากับกระจกหน้ารถของเธอเข้าเต็ม ๆ จนเกิดเสียงดังสนั่นคล้ายระเบิด เศษแก้วแตกกระจายทั่วตัวเธอกับน้องชาย อย่างไรก็ตามเคราะห์ดีที่พวกเธอมีสติและพยายามหาอะไรมากำบัง ทำให้ได้แผลถูกกระจกบาดเล็กน้อย และโชคดีที่ลาร์กชะลอความเร็วในจังหวะนั้น ทำให้วัตถุดังกล่าวติดอยู่คากระจก ไม่ได้พุ่งทะลุเข้ามากระแทกใส่หัวของน้องชายเธอ

        "ผมจำได้ว่าพยายามหาอะไรบังตอนที่พี่ร้องเรียกชื่อผม หลังจากเต่ากระแทกกระจก พี่ยังช็อกและขับรถต่อไปอีกสักพัก ขณะที่ตัวผมซึ่งเต็มไปด้วยเลือด พยายามบอกเธอให้ใจเย็นและโทร. เรียกตำรวจ" น้องชายของลาร์ก เผยกับซีเอ็นเอ็น

        ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุและได้มองดูชัด ๆ ลาร์กจึงเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่พุ่งเข้ามาชนรถของเธอไม่ใช่ก้อนอิฐอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นเต่าตัวหนึ่ง โดยหลังจากนั้นมันก็ได้ถูกนำตัวไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อรักษาต่อไป แต่น่าเศร้าที่เธอได้ทราบในเวลาต่อมา ว่าเจ้าเต่าตัวนี้ต้องเสียขาจากการกระแทก และมันก็ตายลงเพราะเสียเลือดมาก

        ในขณะที่ทางตำรวจเองก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าเต่าตัวนี้กลายเป็นเต่าบิน มากระแทกกระจกหน้ารถคันดังกล่าวได้อย่างไร แต่คู่พี่น้องคาดว่าอาจมีรถคันอื่นชนเต่าตัวนี้ จนทำให้มันกระเด็นลอยข้ามถนนมา จนเกิดเหตุดังกล่าว โดยหลังเกิดเหตุลาร์กก็ได้นำเรื่องมาแชร์ต่อบนโซเชียลมีเดีย เพื่อเตือนใจผู้ขับขี่รถทั้งหลายให้ระมัดระวังสัตว์ป่าขณะขับขี่ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก ซีเอ็นเอ็น

https://hilight.kapook.com/view/202669

Monday, February 17, 2020

ญี่ปุ่นเผยคลิป ปลาออร์ฟิช 2 ตัวระยะใกล้ โผล่ว่ายเหนือน้ำ หวั่นลางร้ายภัยพิบัติ


        ญี่ปุ่นเผยคลิป ปลาออร์ฟิช 2 ตัว ถูกถ่ายได้ในระยะใกล้ หลังโผล่ขึ้นมาว่ายบนผิวน้ำ หวั่นเป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติ อาจมีแผ่นดินไหวใต้น้ำ-สึนามิ

        วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์อาซาฮี ชิมบุน หนังสือพิมพ์ของญี่ปุ่น เผยว่า มีผู้บันทึกคลิปวิดีโอ ปลาออร์ฟิช (Oarfish) ขนาดยาว 5 เมตร จำนวน 2 ตัว โผล่แหวกว่ายขึ้นมาเคียงคู่กันเหนือผิวน้ำ ที่บริเวณท่าเรือใกล้ท่าเรือตกปลา ริมชายฝั่งเมืองซาไก ในจังหวัดฟุกุอิ

        ตามรายงานระบุว่า โคจิ ทาบิระ และ โคโตเมะ ภรรยา อายุ 28 ปี ทั้งคู่ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกคลิปวิดีโอเมื่อเวลา 15.30 น. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทั้งสองคนเผยว่า รู้สึกตกตะลึงในสีฟ้าสดใสของปลา พวกมันแหวกว่ายให้เห็นอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะหายไปเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.  

        ด้านเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ กล่าวชื่นชมทั้งคู่ที่สามารถถ่ายคลิปวิดีโอช่วงเวลาสำคัญนี้เอาไว้ได้อย่างชัดเจน โดยกล่าวว่า "มันเป็นวิดีโอที่หายาก และมีค่าอย่างยิ่ง และมันอาจเป็นครั้งแรกในโลก ที่ได้เห็นปลาชนิดนี้ 2 ตัว กำลังว่ายน้ำอยู่ด้วยกัน"

        สำหรับ ปลาออร์ฟิช หรือที่คนไทยรู้จักกันว่า ปลาพญานาค เป็นปลากระดูกแข็งที่ยาวที่สุด อาศัยอยู่ในน่านน้ำลึกอย่างน้อย 200 เมตร และสามารถเติบโตได้ยาวถึง 10 เมตร ตามความเชื่อญี่ปุ่น เผยว่า การปรากฏตัวของปลาออร์ฟิช เป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติ เนื่องจากพวกมันอาจจะรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้น้ำจากแผ่นดินไหว ไปจนถึงการเกิดสึนามิ

คนแยกขยะช็อก เจอเงินสดซุกในกองขยะ นับ ๆ ดูมูลค่ารวมกันกว่า 11 ล้านเยน


         อึ้ง เจอเงินสดกว่า 11 ล้านเยน ซุกอยู่ในกองขยะที่ญี่ปุ่น ชี้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเงินเก่า อายุเกิน 23 ปี พนักงานแยกขยะอึ้ง รีบแจ้งทางโรงงานทราบ
          วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์โตเกียวรีพอร์เตอร์ รายงานว่า พนักงานประจำโรงงานคัดแยกขยะภายในโตโยต้า ซิตี จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ถึงกับอึ้งและแทบไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อได้พบเงินสดจำนวนมากอยู่ภายในกองขยะที่รถขนขยะนำมาที่โรงงาน โดยธนบัตรเหล่านั้นคิดเป็นเงินมูลค่าสูงถึง 11.27 ล้านเยน (ราว 3.19 ล้านบาท)

          รายงานเผยว่า การค้นพบดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ระหว่างที่พนักงานของโรงงานแยกขยะ กรีน คลีน ฟูจินูโอกะ กำลังคัดแยกชิ้นส่วนที่เป็นโลหะออกจากขยะชิ้นใหญ่ที่ชาวเมืองนำมาทิ้ง โดยพนักงานคนดังกล่าวได้เจอธนบัตรมูลค่า 10,000 เยน ก่อน 1 ใบ ก่อนจะพบธนบัตรส่วนที่เหลือ ใส่ไว้ในซองจำนวน 10 ซอง โดยซองเงินเหล่านี้ถูกซุกไว้ตามรอยแยกของโต๊ะไม้เก่า ๆ
          รายงานเผยว่า เงินสดบางซองเป็นเงินเก่าแบบที่มีการใช้กันตั้งแต่ก่อนปี 2550 โดยธนบัตรทั้งหมดที่ถูกพบนั้นประกอบด้วย ธนบัตรมูลค่า 10,000 เยน จำนวน 1,118 ใบ ธนบัตรมูลค่า 5,000 เยน จำนวน 15 ใบ และธนบัตรมูลค่า 1,000 เยน จำนวน 15 ใบ ซึ่งตอนแรกที่พบเงิน พนักงานรายดังกล่าวยังสงสัยอยู่ว่าเงินเหล่านี้ใช่เงินจริงหรือไม่
          ทั้งนี้ ทางเทศบาลเมืองซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงงานแยกขยะดังกล่าว กำลังเตรียมติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นเพื่อให้เข้ามาจัดการเงินเหล่านี้ โดยที่เจ้าของเงินจะมีเวลา 3 เดือน ในการเข้ามาอ้างสิทธิและรับเงินคืน

Monday, January 13, 2020

เต่ายักษ์ตัวพ่อ ปิดฉากชีวิตเพลย์บอย จะได้กลับสู่ป่า หลังลุยผสมพันธุ์ ผลิตทายาทกว่า 800 ตัว

ภาพจาก RODRIGO BUENDIA / AFP

ดีเอโก้ เต่ายักษ์กาลาปากอส จะได้กลับคืนสู่ธรรมชาติแล้ว หลังลุยศึกผสมพันธุ์เต่าเพศเมียมา 50 ปี ผลิตทายาทกว่า 800 ตัว ช่วยสายพันธุ์ให้รอดจากการสูญพันธุ์

วันที่ 13 มกราคม 2563 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น มีรายงานเรื่องราวของ ดีเอโก้ เต่ายักษ์กาลาปากอส อายุ 100 ปี สุดยอดเต่าตัวพ่อ ที่ความอึด คึก สู้ ของมัน ได้กลายมาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยไม่ให้สายพันธุ์ของมันมาถึงจุดสิ้นสุด ลุยผสมพันธุ์กับเต่าเพศเมียจนสามารถผลิตทายาทได้กว่า 800 ตัว ซึ่งในตอนนี้ หลังจากที่เจ้าดีเอโก้สู้ศึกอย่างโชกโชนร่วม 50 ปี ในที่สุดมันก็จะได้รับการปลดเกษียณ ถูกปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเสียที


ภาพจาก RODRIGO BUENDIA / AFP

รายงานเผยว่า เดิมที ดีเอโก้ เป็นเต่ายักษ์กาลาปากอส ที่อยู่ในความดูแลของสวนสัตว์ซานดิเอโก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ก่อนที่มันจะถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการขยายพันธุ์เต่ายักษ์บนเกาะเอสปาโนลา ในหมู่เกาะกาลาปากอส โดยฐานทัพในการประกอบกิจของดีเอโก้ จะอยู่ที่เกาะซานตาครูซ ซึ่งจะมีการส่งลูกเต่าที่ได้ไปยังเกาะเอสปาโนลา ในภายหลัง
ตอนที่ดีเอโก้เพิ่งเข้ามาร่วมโครงการ พบว่าบนเกาะเอสปาโนลา มีเต่าสายพันธุ์เดียวกับมันเพียง 15 ตัวเท่านั้น คือ ตัวผู้ 2 ตัว และตัวเมีย 13 ตัว แต่หลังจากเวลาผ่านไปนานร่วม 50 ปี พบว่าในตอนนี้เต่ายักษ์กาลาปากอสบนเกาะดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มขึ้นร่วม 2,000 ตัว



ที่น่าทึ่งคือ ดีเอโก้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเต่าที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเป็นผู้ให้กำเนิดลูกเต่าถึง 40% จากลูกเต่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากโปรแกรมขยายสายพันธุ์ หรือพูดง่าย ๆ คือ มีลูกเต่าราว 800 ตัว ที่มีดีเอโก้เป็นพ่อพันธุ์

ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาสิ้นสุดชีวิตเพลย์บอย ดีเอโก้ก็จะถูกส่งกลับคืนสู่ธรรมชาติที่หมู่เกาะกาลาปากอส ซึ่ง จอร์จ แคริออน ผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติกาลาปากอส ชื่นชมเต่าตัวนี้ว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากในการสืบทอดสายพันธุ์ของมัน และเขาก็มีความสุขที่เจ้าเต่าตัวนี้จะได้รับโอกาสกลับคืนสู่ธรรมชาติตามปกติของมันเสียที


https://hilight.kapook.com/view/198651